ประเทศในคาบสมุทรบอลข่านกับตลาดใหม่พร้อมรับการค้าเสรีมากขึ้น

BRI ในเซอร์เบีย โอกาสพัฒนาที่มาพร้อมกับความเสี่ยง
2025-06-30

📰 ข่าวเด่นประจำเดือนมิถุนายน 2568 โดย สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์
www.thaitradebudapest.hu / Facebook Fanpage: @ThaiTradeBudapest 

 

จัดทำโดย นางสาวปัณฑารีย์ มะลิวัลย์

 

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศในคาบสมุทรบอลข่านเคยรวมตัวกันในนามของของประเทศยูโกสลาเวีย มีรูปแบบการบริหารประเทศ การเมือง ระบบเศรษฐกิจ แบบสังคมนิยม อย่างไรก็ตาม แต่ละชาติพันธุ์ในพื้นที่ต่างต้องการเอกราชเป็นของตนเอง ทำให้เป็นปัจจัยสำคัญต่อการล่มสลายของประเทศยูโกสลาเวียเมื่อปี พ.ศ. 2534 แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ก่อให้เกิดการไร้เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทว่าแต่ละประเทศก็พยายามสร้างความมั่งคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อให้ประเทศของตนมีการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมทั้งการเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ประเทศบนคาบสมุทรบอลข่านได้ดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจผ่านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เปิดเสรีทางการค้ามากขึ้น แสวงหาการลงทุนจากต่างประเทศ และปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยน กระบวนการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ดำเนินการควบคู่ไปกับความต้องการที่จะเข้าร่วมกับสหภาพยุโรป (European Union-EU) เพื่อขยายตลาดการค้า การลงทุน และงบประมาณที่แต่ละประเทศต้องการนำมาพัฒนาศักยภาพของแต่ละประเทศที่มีอยู่แล้วให้สร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่ามากขึ้น

 

ปัจจุบัน หลายประเทศในภูมิภาคนี้ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การคมนาคมขนส่งทางบก การพัฒนาระบบราง และท่าเรือ เพื่อเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค และเป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการจากทั่วโลกที่ต้องการนำเข้า/ส่งออกสินค้ามายังภูมิภาคนี้ นอกจากนี้การที่การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้การพัฒนาด้านเศรษฐกิจการค้ามีเป้าหมายที่ชัดเจน และพร้อมสำหรับการเป็นตลาดใหม่ที่ต้องการพัฒนาการค้าอย่างเต็มรูปแบบ

 

นอกจากนี้ การที่ภูมิภาคดังกล่าวตั้งอยู่ระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป นับว่ามีที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่เป็นจุดเด่นที่มีศักยภาพในขนส่งกระจายสินค้า ทั้งนี้ ภูมิภาคนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลาย เช่น แร่เหล็ก ถ่านหิน ทองแดงก๊าซธรรมชาติ บ๊อกไซด์ เป็นต้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าเทคโนโลยีสมัยใหม่ ปัจจัยนี้ทำให้เป็นที่ต้องการของประเทศที่ต้องการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อผลิตสินค้าใหม่ๆ จำหน่ายออกสู่ตลาดโลก อย่างไรก็ดี ประเทศในภูมิภาคนี้ ยังขาดความเชี่ยวชาญและพื้นฐานของการผลิตภาคเกษตรกรรม ประเทศในกลุ่มนี้จึงต้องการสินค้าอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด อันนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหารแช่แข็งและแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ อาหารทะเล สินค้าบรรจุกระป๋อง โดยเฉพาะผลไม้ เนื่องจากอาหารหลักหลายเมนูของประเทศในภูมิภาคนี้มีความต้องการผลไม้เพื่อปรุงอาหารให้ได้รสชาติดียิ่งขึ้น

 

ประเทศโรมาเนียและโครเอเชีย เป็นสองประเทศในภูมิภาคบอลข่านที่มีการทำการค้ากับไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อโรมาเนียและโครเอเชียเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2556 ตามลำดับ ทำให้สินค้าที่สามารถนำเข้ามายังสองประเทศนี้ ต้องได้รับมาตรฐานของสหภาพยุโรป ที่ผ่านมา ได้มีผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญกับตลาดทั้งสองประเทศนี้ ประเทศโรมาเนียมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีทางออกสู่ทะเลดำ และมีท่าเรือเมือง Constanța เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญติดอันดับ 1 ใน 10 ของทวีปยุโรป เพราะเป็นท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดในทะเลดำ ทำให้มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปยังโรมาเนีย ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องรับวิทยุ-โทรทัศน์ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจำพวกเครื่องจักรกลและส่วนประกอบส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือด้านเคมี ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้

 

ประเทศโรมาเนีย เป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอุตสาหกรรมและการเกษตร เช่น อุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่มเบียร์ อาหาร ผลิตภัณฑ์การแปรรูปเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการผลิตอาหารภายในประเทศยังล้าสมัยและมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยีอยู่มาก การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการแปรรูปอาหารของโรมาเนียจึงเป็นช่องทางที่ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการลงทุน เมื่อ พ.ศ. 2566 ไทยส่งออกมายังโรมาเนียมูลค่า 95,169.65 ล้านบาท ในขณะที่มีมูลค่านำเข้าเท่ากับ 6,775.11 ล้านบาท ไทยจึงได้ดุลการค้าประมาณ 88,394 ล้านบาท ส่วนปี พ.ศ. 2567 ไทยส่งออกมูลค่า 10,232.07 ล้านบาท ในขณะที่นำเข้ามูลค่า 6,758.21 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้าประมาณ 3,474 ล้านบาท โรมาเนียจึงเป็นคู่ค้าอันดับที่ 64 ของไทย

 

สำหรับประเทศโครเอเชีย ก็ทำการค้ากับไทยมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ข้าว คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น ในขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากโครเอเชีย ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ปูนซีเมนต์ และไม้แปรรูป ในปี พ.ศ. 2566 ไทยส่งออกสินค้ามายังโครเอเชียเป็นมูลค่า 828.29 ล้านบาท ในขณะที่นำเข้ามูลค่า 343.28 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้าประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนปี พ.ศ. 2567 ไทยส่งออกสินค้าไปโครเอเชียคิดเป็นมูลค่า 1,095.55 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าจากโครเอเชียเป็นมูลค่า 492.13 ล้านบาท ทำให้ไทยได้ดุลการค้าประมาณ 600 ล้านบาท จากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าสินค้าไทยได้รับความนิยมมากขึ้นจากผู้บริโภคชาวโครเอเชีย

 

ประเทศโครเอเชียมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ทางเรือ เนื่องจากมีทางออกสู่ทะเลอาเดรียติก และมีท่าเรือน้ำลึกเมือง Rijeka ซึ่งเป็นท่าเรือเก่าแก่ที่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มกำลัง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับสินค้าจากประเทศต่างๆ ที่ต้องการพื้นที่สำหรับวางตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ได้มากขึ้น นอกจากนี้ โครเอเชียมีพื้นที่ที่สวยงาม สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ปัจจัยนี้ ทำให้ร้านอาหารไทยในโครเอเชียได้รับความนิยมมากขึ้น และชาวโครเอเชียส่วนหนึ่งต้องการปรุงอาหารไทยด้วยตนเอง ดังนั้น ตลาดโครเอเชียจึงมีความต้องการสินค้าอาหารไทย ทั้งสำเร็จรูป และเครื่องปรุงประเภทต่างๆ มากขึ้น

 

💭 ข้อเสนอแนะของ สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์ 💭

 

ประเทศในภูมิภาคบอลข่านหรือยุโรปกลางอาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับผู้ประกอบการไทย แต่จากการสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบการหลายบริษัทในภูมิภาคนี้ มีความเห็นตรงกันว่าตลาดในภูมิภาคนี้มีความต้องการสินค้าจากประเทศไทยที่หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารแช่เย็นแช่แข็ง ทั้งอาหารทะเล และผักผลไม้กระป๋อง เนื่องจากการส่งออกมายังภูมิภาคนี้ ยังต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่งมาก ทำให้สินค้าผักผลไม้สดยังไม่สามารถส่งออกมายังตลาดนี้ได้

 

ทั้งนี้ จากการที่ สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์ ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจนำเข้าสินค้าจากโรมาเนียและบอสเนียเข้าร่วมงานแสดงสินค้า THAIFEX-Anuga Asia 2025 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ได้ทราบว่า บริษัทไทยส่วนใหญ่อาจจะยังไม่เห็นศักยภาพของตลาดในภูมิภาคนี้ จึงพลาดการเจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าสินค้าอาหารจากภูมิภาคนี้

 

ฉะนั้น สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์ จะจัดทำข้อมูลลักษณะตลาดความต้องการของตลาด จุดเด่นและความท้าทายในการทำธุรกิจ นำเสนอผ่านเว็บไซต์ของ สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์ และเว็บไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (www.ditp.go.th) มากขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยรู้จักตลาดศักยภาพใหม่นี้มากขึ้น และในส่วนความต้องการของผู้ประกอบการไทย หากต้องการแสวงหาคู่ค้าธุรกิจ สคต. จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสร้างความตกลงทางการค้า ทั้งนี้ ข้อมูลตลาดไทย ทาง สคต. จะแปลข้อมูลต่างๆ เป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ในการเผยแพร่ผ่านสื่อประเทศต่างๆ เนื่องจากทุกประเทศในแถบนี้ มีการใช้ภาษาราชการแตกต่างกัน และส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้

 

สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์
มิถุนายน 2568

1 Comment

  1. พีรพัฒน์ พูดว่า:

    ขอบคุณสำหรับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ซึ่งทำให้ผมเข้าใจระบบเศรษฐกิจของประเทศในคาบสมุทรบอลข่านมากขึ้นครับ
    บทความอ่านง่าย กระชับ ให้ความรู้อย่างดี
    ขอบคุณครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *