เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ธนาคารกลางยุโรปประกาศให้โครเอเชียมีสิทธิเข้าเป็นสมาชิกเขตยูโร (Eurozone) หลังพิจารณาข้อกำหนดเกณฑ์ทางเศรษฐกิจ (Convergence Criteria) แล้วพบว่าโครเอเชียสามารถบรรลุเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ได้ แม้จะยังมีความท้าทายในประเด็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อ และหนี้สาธารณะของประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และภาวะสงครามในยูเครน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารกลางยุโรปเน้นย้ำว่าจะต้องมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเหมาะสมในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านการใช้สกุลเงินหลักของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2566 ได้ เพื่อให้การเข้าร่วมยูโรโซนของโครเอเชียสามารถสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี การเข้าเป็นสมาชิกของโครเอเชียยังต้องได้รับความเห็นชอบขั้นสุดท้ายจากคณะมนตรียุโรป (European Council) ในการประชุมประจำเดือนมิถุนายนนี้ ตลอดจนการรับรองผ่านสภายุโรป (European Parliament) ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าโครเอเชียจะได้รับความเห็นชอบและลงมติรับรองสมาชิกภาพอย่างแน่นอน
จากความเปลี่ยนแปลงนี้ สคต. คาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย เพราะการใช้เงินสกุลยูโรเป็นสกุลเงินหลักจะช่วยลดต้นทุนการแปลงค่าเงินในกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการที่เป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจหลักของประเทศ อีกทั้งยังสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้นจากความน่าเชื่อถือของเงินสกุลยูโร ฉะนั้นจึงถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากประชาชนมีความต้องการในการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ผู้สนใจศึกษาเพิ่มเติม สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มของสคต.บูดาเปสต์ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2565 หัวข้อ “โครเอเชียเตรียมพร้อมเข้า Eurozone ปี 66” ได้ที่ https://bit.ly/34xwrkI
ที่มาของแหล่งข้อมูล:
“Croatia given Green Light by ECB to Join Euro in January.” Financial Times, 1 June 2022, www.ft.com/content/68df84c5-8b99-4a86-ba4e-735530713aa2. Accessed 2 June 2022.